รู้จักเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 
เพื่อหาวิธีดูแลและป้องกัน

โควิด 19 เป็นมากกว่าเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 (COVID-19)

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดินทางหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS-CoV-2) การติดเชื้อไวรัสนี้ อาจจะทำให้มีอาการคล้ายไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือปอดอักเสบ และอาจกระทบต่อระบบอื่น ๆ ของร่างกาย อาจทำให้มีอาการป่วยรุนแรงได้ในกลุ่มเสี่ยง แม้ในกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือมีอาการจากโควิด 19 เพียงเล็กน้อยก็อาจจะมีภาวะป่วยเรื้อรังหลังโควิด 19 หรือที่เรียกกันว่า Long COVID ได้1

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 (COVID-19)

References:

  1. CDC. About COVID-19 [Internet]. 2024 [cited 2024 Dec 24]. Available from: 
    https://www.cdc.gov/covid/about/index.html

การแพร่เชื้อ

วิธีการแพร่เชื้อ

ไวรัสจะแพร่จากคนสู่คนผ่านทางฝอยละอองจากจมูกหรือปากซึ่งขับออกมาเมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม และมีบุคคลหายใจเอาฝอยละอองที่มีเชื้อจากผู้ป่วยเข้าไป หรือจากการเอามือไปจับพื้นผิวที่มีฝอยละอองเหล่านั้นอยู่ แล้วมาแตะตามใบหน้าและดวงตา1

ช่วงเวลากระจายเชื้อ

ระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยของไวรัส สายพันธุ์โอมิครอนนับจากการติดเชื้อและการแสดงอาการ (ระยะฟักตัว) อยู่ที่ 3 วัน โดยจะเริ่มแสดงอาการที่ประมาณ 2-14 วัน หลังจากรับเชื้อ ช่วงที่กระจายเชื้อได้มากที่สุดคือ 1-2 วันก่อนที่จะมีอาการและช่วง 2 -3 วันหลังเริ่มมีอาการ2

ความรุนแรงของอาการ

ผู้ติดเชื้ออาจแสดงอาการหรือไม่แสดงอาการก็ได้ และความรุนแรงของอาการก็อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ติดเชื้อแต่ละบุคคล ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวมีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้3

การแพร่เชื้อ

References:

  1. CDC, How COVID-19 Spreads, accessed 11 October 2023, https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/prevent-getting-sick/how-covid-spreads.html
  2. ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , โควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน ระยะฝึกตัวเปลี่ยนไปจริงหรือ?, accessed 11 October 2023, https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/โควิด-19-สายพันธุ์-โอมิครอ/
  3. CDC, Symptoms of COVID-19, accessed 11 October 2023, https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/symptoms-testing/symptoms.html

การเปลี่ยนแปลงของไวรัส
SARS-CoV-2

การเปลี่ยนแปลงของไวรัส  SARS-CoV-2

ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมและกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา รวมถึงไวรัส SARS-CoV-2 ที่ทำให้เกิดโรคโควิด 19

ไวรัสที่มีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะถูกจัดกลุ่มและแบ่งออกเป็นสายพันธุ์ต่างๆ เช่น Delta Omicron โดยธรรมชาติสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม2

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการแพร่กระจายของไวรัส การตอบสนองต่อการรักษาของยาที่มีอยู่ในปัจจุบัน และความรุนแรงของโรคเมื่อมีเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่เข้าสู่ร่างกาย2

แม้ในบางครั้งข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่ที่มีการระบาดจะยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายลักษณะการเปลี่ยนแปลงการแพร่กระจาย หรือคุณสมบัติต่าง ๆ ของเชื้อไวรัส แต่คุณยังคงสามารถป้องกันตัวคุณเองและผู้อื่นจากการติดเชื้อได้2

วิธีการป้องกันตนเอง1

  1. รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ตามคำแนะนำของแพทย์
  2. อยู่บ้านถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการป่วย
  3. รับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 เมื่อมีความเสี่ยง
  4. ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา หากคุณติดเชื้อโควิด 19 และมีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยหนัก
  5. เลือกสวมหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพสูง และสวมพอดีกับจมูกและปากของคุณ
  6. หลีกเลี่ยงที่แออัด และอยู่ในที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี
  7. หมั่นล้างมือของคุณ

References:

  1. Risk Assessment Summary for SARS CoV-2 Sublineage BA.2.86 Available at: https://www.cdc.gov/respiratory-viruses/whats-new/covid-19-variant.html Last Accessed: 14 September 2023
  2. SARS-CoV-2 Variant Classifications and Definitions Available at: https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/variants/variant-classifications.html Last Accessed: 14 September 2023

โควิด 19 ตอนนี้ มีอาการเป็นยังไง

อาการของโควิด 19 อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและภูมิคุ้มกันที่มีจากการเคยติดเชื้อหรือเคยได้รับวัคซีน1

4 อาการทั่วไป พบได้บ่อย1

  • ไอ
  • เจ็บคอ
  • น้ำมูกไหล
  • มีไข้

อาการเหล่านี้อาจพบได้บ้าง1

  • มีเสมหะ
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดตามตัว
  • กินได้น้อยลง
  • อ่อนเพลีย
  • หายใจติดขัด
  • ท้องเสีย
  • จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส

อาการแบบนี้คือโควิด 19 ที่มีแนวโน้มรุนแรง
ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด2

หายใจลำบาก
พูดเป็นประโยคไม่ได้
งุนงง สับสน
เป็นลม หมดสติ
เจ็บ แน่นหน้าอก
อย่างต่อเนื่อง
ผิวหนังเย็นชื้น
ซีดหรือหมองคล้ำ
ไม่สามารถพูด
หรือเคลื่อนไหวได้

References:

  1. Sho Nakakubo, et al. Associations of COVID-19 symptoms with omicron subvariants BA.2 and BA.5, host status, and clinical outcomes in Japan: a registry-based observational study. The Lancet Infectious Disease. 2023 Nov 1;23(11):1244–56.
  2. WHO. Coronavirus Disease (COVID-19) [Internet]. 2023 [cited 2025 Jan 16]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/coronavirus-disease-(covid-19)
 

ภาวะป่วยเรื้อรังหลังโควิด 19 (Long COVID)

ภาวะป่วยเรื้อรังหลังโควิด 19 หรือ Long COVID เป็นภาวะเรื้อรังภายหลังการติดเชื้อ SARS-CoV-2 โดยมีอาการเกิดขึ้นอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งอาจมีอาการได้หลากหลาย ในบางภาวะอาจจะมีอาการที่ดีขึ้นหรือแย่ลงหรืออาจจะมีอาการไปเรื่อย ๆ ก็ได้1

ใครเสี่ยง Long COVID

กลุ่มคนต่อไปนี้ อาจเสี่ยงต่อการมีภาวะป่วยเรื้อรังหลังโควิด 19 มากกว่าคนทั่วไป1

  • เพศหญิง
  • ผู้ที่ป่วยรุนแรงจากโควิด 19 ผู้ที่ต้องรักษาโควิด 19 ในโรงพยาบาลหรือหอผู้ป่วยวิกฤติ
  • ผู้มีโรคประจำตัว หรือมีอายุมากกว่า 65 ปี
  • ผู้ที่ไม่ได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนโควิด 19
อาการแบบไหน อาจเข้าข่าย Long COVID

ภาวะป่วยเรื้อรังหลังโควิด 19 อาจระบุหรือวินิจฉัยได้ยาก โดยอาจส่งผลในหลาย ๆ ระบบ2

อาการทั่วไป

  • เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
  • มีไข้

อาการทางเดินหายใจและหัวใจ

  • หายใจไม่อิ่ม
  • ไอ
  • ปวดหน้าอก
  • หัวใจเต้นเร็วหรือแรง

อาการทางระบบประสาท

  • คิดช้า ไม่มีสมาธิ (Brain fog)
  • ปวดศีรษะ
  • นอนไม่หลับ
  • วิงเวียนเมื่อลุกขึ้นยืน
  • ปวดแปล๊บ ๆ เหมือนมีเข็มจิ้ม
  • การได้กลิ่นหรือรับรสเปลี่ยนไป
  • ซึมเศร้า วิตกกังวล

อาการทางเดินอาหาร

  • ท้องเสีย
  • ปวดท้อง
  • ท้องผูก

อาการอื่น ๆ

  • ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ
  • ผื่น
  • รอบประจำเดือนเปลี่ยนไป
การวินิจฉัยโควิด 19

References:

  1. CDC. Long COVID Basics [Internet]. 2024 [cited 2024 Dec 24]. Available from: https://www.cdc.gov/covid/long-term-effects/index.html
  2. CDC. Signs and Symptoms of Long COVID [Internet]. 2024 [cited 2024 Dec 24]. Available from: https://www.cdc.gov/covid/long-term-effects/long-covid-signs-symptoms.html

การวินิจฉัยโควิด 19

การตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มี 2 วิธีหลัก ดังนี้

1. Rapid test หรือ Antigen test kit (ATK)1

การตรวจคัดกรองเพื่อหาเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยใช้ชุดทดสอบคือ Antigen test kit (ATK) เป็นชุดทดสอบสำหรับตรวจหาแอนติเจน (Antigen) ของเชื้อไวรัสในสารคัดหลั่งทางโพรงจมูกหรือน้ำลาย เป็นวิธีการตรวจที่ทราบผลได้รวดเร็ว ราคาชุดตรวจไม่แพงเกินไป สามารถหาซื้อได้ง่าย วิธีการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก แต่มีความแม่นยำ (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) น้อยกว่าวิธี RT-PCR วิธีนี้จึงมักใช้ในการคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีอาการป่วยและสงสัยว่าติดเชื้อ COVID-19 หากตรวจในตอนที่เพิ่งได้รับเชื้ออาจจะแสดงผลเป็นลบเนื่องจากยังไม่มีปริมาณเชื้อมากพอที่จะตรวจได้ หากเคยติดเชื้อหรือได้รับวัคซีนจนมีภูมิคุ้มกันที่สามารถทำลายเชื้อได้ก็อาจให้ผลการทดสอบเป็นลบเช่นกัน

2. RT-PCR (Reverse Transcriptase Polymerase Chain Reaction)1

วิธี RT-PCR เป็นวิธีการตรวจยืนยันเพื่อหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 มีความแม่นยำ (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) สูง ใช้สิ่งส่งตรวจจากสารคัดหลั่ง และมีขั้นตอนการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนจึงต้องทำการทดสอบโดยบุคลากรทางการแพทย์

การวินิจฉัยโควิด 19

References:

  1. CDC, Overview of Testing for SARS-CoV-2, the virus that causes COVID-19, accessed 11 October 2023, https://www.cdc.gov/coronavirus/2019-ncov/hcp/testing-overview.html#TestingInfection
PP-C1D-THA-0013, PP-C1D-THA-0042, PP-CVV-THA-0690, PP-C1D-THA-0260